วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 7 เรื่อง จิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสื่อ

วันที่ 12 กรกฎาคม 2553

- การเรียนในวันนี้เราได้ศึกษา เรื่อง จิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสื่อ และนำตอบคำถามดังนี้

1. จงสรุปทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างมัลติมีเดียมาพอเข้าใจ จำนวน 6 บรรทัด (ห้ามขาดและเกิน)
ตอบ ทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างมัลติมีเดีย มีดังนี้
1.1 ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม เป็นทฤษฎีซึ่งเชื่อว่าจิตวิทยาเป็นเสมือนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของพฤติกรรมมนุษย์
1.2 ทฤษฎีปัญญานิยม ทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบในลักษณะสาขา
1.3 ทฤษฎีโครงสร้างความรู้ เป็นแนวคิดที่เชื่อว่าโครงสร้างภายในของความรู้ที่มนุษย์มีอยู่นั้นจะมีลักษณะเป็นโหนดหรือกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงกันอยู่

ดังนั้น ในการออกแบบสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา จึงจำเป็นต้องนำแนวคิดของทฤษฎีต่าง ๆ มาผสมผสานกัน เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะและโครงสร้างขององค์ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเพียงทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง เพื่อให้ได้สื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน และตอบสนองลักษณะโครงสร้างขององค์ความรู้ของสาขาวิชาต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน

2. ถ้านิสิตจะออกแบบสื่อวีดิทัศน์เพื่อการศึกษาจะสามารถนำจิตวิทยามาใช้ได้อย่างไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ ถ้าจะออกแบบสื่อวีดิทัศน์เพื่อการศึกษาจะสามารถนำจิตวิทยามาใช้ คือ สื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาที่ออกแบบตามแนวคิดของทฤษฎีพฤติกรรมนิยมจะมีโครงสร้างของบทเรียนในลักษณะเชิงเส้นตรง (Linear) โดยผู้เรียนทุกคนจะได้รับการนำเสนอเนื้อหาในลำดับที่เหมือนกันและตายตัว ซึ่งเป็นลำดับที่ผู้สอนได้พิจารณาแล้วว่าเป็นลำดับการสอนที่ดี และผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

3. พื้นฐานจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับสื่อการเรียนการสอนมีอะไรบ้าง
ตอบ พื้นฐานจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับสื่อการเรียนการสอน มีดังนี้
1). การเรียนรู้ตามทัศนะกลุ่มปัญญานิยม (Cognitivist Perspective) คือ ที่เกิดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นจากการที่มนุษย์ได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อม
2).การเรียนรู้ตามทัศนะกลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorist Perspective) คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
2.1 แรงขับ (Drive) หมายถึง ความต้องการของผู้เรียน ซึ่งจะจูงใจผู้เรียนให้หาทางสนองตอบต่อความต้องการของตนเอง
2.2 สิ่งเร้า (Stimulu s) สิ่งเร้าอาจเป็นความรู้หรือการชี้แนะจากครูหรือจากแหล่งการเรียน (สื่อ) ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้เรียนตอบสนอง
2.3 การตอบสนอง (Response) เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่สังเกตได้จากพฤติ กรรมของผู้เรียนที่แสดงออกมา
2.4 การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นการให้รางวัลเมื่อผู้เรียนตอบสนองได้ถูกต้อง 3). การเรียนรู้ตามทัศนะกลุ่มสร้างสรรค์ความรู้ ( Constructivist Perspective ) คือ การเรียนรู้ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของผู้เรียน ด้วยการนำความรู้เดิม (ประสบการณ์) มาวิเคราะห์ และสังเคราะห์อย่างมีเหตุผล แล้วประมวลเป็นความรู้ใหม่เพื่อนำไปพัฒนาหรือแก้ปัญหาต่อไป 4). การเรียนรู้ตามทัศนะกลุ่มจิตวิทยาสังคม ( Social-Psychological Perspective ) คือ ลักษณะกลุ่มสังคมในห้องเรียนมีผลต่อการเรียนรู้ เช่น การเรียนแบบอิสระ การเรียนเป็นกลุ่มเล็ก หรือการเรียนรวมทั้งชั้น

4. จงสรุปหลักการของทฤษฎีการสร้างสรรค์ความรู้ว่ามีประโยชน์อย่างไรในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ตอบ หลักการของทฤษฎีการสร้างสรรค์ความรู้มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ด้วยตัวเอง คือ
1. ทำให้เราได้ฝึกการพัฒนาเชาว์ปัญญาขั้นสูง พัฒนาการทางภาษาและทางความคิด
2. ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
3.ทำให้เราได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์ กับบุคคลอื่น ๆ เพื่อจะช่วยให้การเรียนรู้ของเรากว้างขึ้น ซับซ้อนขึ้น และหลากหลายขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น